หน้ากากอนามัยมีกี่ประเภท กี่แบบ จำเป็นน่ะค่ะที่เพื่อนๆต้องทำความเข้าใจ และเลือกใช้ให้ถูกประเภทตามสถานการณ์
ปัจจุบันคงหนีไม่พ้นโรค โควิด-19 หรือโคโรนาสายพันธ์ใหม่ ที่ยังคงเป็นปัญหาต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน จากงานวิจัยขององค์การอนามัยโลก พบว่า การใส่หน้ากากอนามัย สามารถลดการแพร่กระจายของอณูเล็ก ๆ ที่มีเชื้อโรคปนเปื้อน ได้ถึงร้อยละ 80 เลยทีเดียว แต่ต้องเลือกใช้ให้ถูกวิธีน่ะค่ะ
ประเภทของหน้ากากอนามัย
การที่จะเลือกใช้หน้ากากอนามัยแบบไหนนั้น เราลองมารู้จักกับหน้ากากอนามัยแบบต่าง ๆ กันก่อนดีกว่า เพราะหน้ากากอนามัยเอง ก็มีหลากหลายแบบให้เลือกใช้งาน ซึ่งหน้ากากอนามัยที่วางขายทั่วไป แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้
1.หน้ากากอนามัยแบบเยื่อกระดาษ 3 ชั้น
หลายคนน่าจะรู้จักมักคุ้นหน้ากากอนามัยแบบนี้ เพราะหาซื้อได้ง่าย ตามร้านสะดวกซื้อ ที่สำคัญราคาไม่แพง และมีประสิทธิภาพในการกรองฝุ่นได้ดี สามารถป้องกันของเหลวซึมผ่านได้ ทั้งยังป้องกันการแพร่กระจายเชื้อโรคจากการไอหรือจามได้อีกด้วย
ซึ่งหน้ากากอนามัยประเภทนี้ สามารถป้องกันผู้สวมใส่จากเชื้อโรค จำพวกเชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อรา แต่ถ้าเป็นเชื้อไวรัสนั้น มีอนุภาคที่มีขนาดเล็กมากในระดับไมครอน อาจจะไม่สามารถป้องกันได้ และไม่ควรนำกลับมาใช้ซ้ำ ต้องเปลี่ยนหน้ากากใหม่ทุกวัน หรือว่าง่าย ๆ คือ เมื่อใช้เสร็จแล้ว ก็ต้องทิ้งนั่นเอง
2.หน้ากากอนามัยที่ผลิตจากผ้า
หน้ากากอนามัยที่ผลิตจากผ้านั้น ก็แทบไม่แตกต่างจากแบบเยื่อกระดาษ 3 ชั้นเลย เพราะหลาย ๆ คนคงเคยเลือกใช้ โดยการใช้งานจะเน้นใช้สำหรับป้องกันฝุ่นละออง และป้องกันการกระจายของน้ำมูก หรือน้ำลายจากการไอจาม แต่อาจไม่สามารถกรองเชื้อโรคที่มีขนาดเล็กมาก ๆ ได้เช่นเดียวกับหน้ากากอนามัยกระดาษ
แต่ความพิเศษของหน้ากากอนามัยแบบผ้าฝ้ายคือ สามารถซักทำความสะอาดด้วยผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อโรค แล้วนำกลับมาใช้ใหม่ได้ นอกจากจะประหยัดจากการนำกลับมาใช้งานซ้ำ ๆ ได้แล้ว ยังเป็นการลดขยะไปในตัวด้วย
3.หน้ากากอนามัยชนิด N95
หากใครต้องการหน้ากากอนามัยที่สามารถป้องกันทั้งฝุ่นควัน และเชื้อโรคได้ หน้ากากอนามัยชนิด N95 นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดี และเรียกได้ว่าเป็นหน้ากากอนามัยที่สามารถป้องกันเชื้อโรคได้ดีที่สุด เพราะป้องกันได้ทั้งฝุ่นละอองและเชื้อโรคที่มีขนาดเล็กถึง 0.3 ไมครอน
ที่สำคัญหน้ากากอนามัยชนิด N 95 มีอายุการใช้งานนานประมาณ 3 สัปดาห์ กล่าวคือ คุณสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ แต่เพื่อสุขอนามัยที่ดีควรจะเปลี่ยนใหม่ทุกวันจะดีกว่า แต่ราคาจะแพงขึ้นมาหน่อย ราคาชิ้นละประมาณ 30-50 บาท
4.หน้ากากป้องกันมลพิษ
สำหรับจุดเสี่ยงต่าง ๆ ถ้าหากหลายคนกลัวหน้ากากอนามัยธรรมดาเอาไม่อยู่ ลองเปลี่ยนเป็นหน้ากากป้องกันมลพิษโดยตรง อาจจะช่วยได้ หน้ากากประเภทป้องกันมลพิษโดยเฉพาะนั้น จะสามารถป้องกันทั้งฝุ่นละออง ควันพิษ ไอเสียรถยนต์ และไอระเหยของสารเคมีต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
ทว่ากลับไม่สามารถป้องกันเชื้อโรคได้ ฉะนั้นจึงไม่เหมาะที่จะนำมาสวมใส่เพื่อป้องกันโรคติดต่อในระบบทางเดินหายใจ แต่ถ้าใส่เพื่อป้องกันมลพิษโดยเฉพาะ หน้ากากตัวนี้ก็เป็นอีกตัวเลือกที่ดี
แล้วแบบนี้ จะเลือกใช้อันไหนดี
จากสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งดูๆแล้วหน้ากากประเภทที่ 1 และ 2 เป็นคำตอบที่ดีค่ะ กันโรคโคโณนาได้อย่างดีราคาถูก แต่หากเพื่อนกลัวกลุ่มฝุ่นควันด้วยแล้วในกรุงเทพฯ หน้ากากอนามัย N95 อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดี เพราะนอกจากจะป้องกันละอองไอจามแล้ว ยังสามารถป้องกันฝุ่นควันที่มีขนาดเล็กมาก ๆ ได้ด้วย
และมีหลายหน่วยงานออกมาให้ความรู้ว่า การสวมใส่หน้ากากเป็นเรื่องที่ดี แต่ในกรณีคนทั่วไปที่ไม่ได้มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับทางเดินหายใจ หรือไม่ได้อยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน ๆ อาจไม่จำเป็นต้องสวมใส่ก็ได้
เช่น หากเดินออกนอกอาคาร 10 – 15 นาที ความเสี่ยงก็มีน้อย หน้ากากชนิดพิเศษอาจจะไม่จำเป็นมากนัก แต่ถ้าเดินออกไปเป็นชั่วโมง หรือออกกำลังกายกลางแจ้ง ซึ่งทำให้หายใจเอาอากาศภายนอกเข้าไปมากกว่าปกติ ก็จะมีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการระคายเคือง หรือทำให้ได้รับฝุ่นควันพวกนี้เข้าไปในปริมาณมาก โดยเฉพาะคนที่มีโรคทางเดินหายใจ ฝุ่นควันเหล่านี้อาจจะไปกระตุ้นให้อาการกำเริบได้ เช่น คนที่เป็น โรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด โรคถุงลมโป่งพอง
อ่านบทความเพิ่มเติม HOW TO
ขอบคุณสปอนเซอร์ใจดี
Comments